NABOspionen NABOspionen

แดเนียลได้มาพบกับแอลลิสัน หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตรุ่งโรจน์แต่กลับต้องมีส่วนในโศกนาฏกรรมอันคาดไม่ถึงซึ่งพรากชีวิตลูกสาวของเขาไป การพบกันครั้งนี้ทำให้ทั้งสองได้พบว่ามิตรภาพ การให้อภัย และความหวังเกิดขึ้นได้ แม้ในที่ที่ไม่น่าเป็นไปได้เลยก็ตาม

เรื่องราวเล่าถึงวัยรุ่น 5 คนที่ชอบพอในเกมส์การกีฬาอย่างฟุตบอลชนิดเข้ากระดูกดำ การหาเงินมาดำรงชีวิตอยู่ในวัยนี้ถือเป็นเรื่องน่าลำบาก แต่ละคนก็ต้องอยากได้เงินเพื่อเอาไปใช้ในสิ่งที่แต่ละคนต้องการ วิธีที่พวกเขาจะหาเงินมาได้นั้นส่วนใหญ่ก็เข้าขั้นไม่เที่ยงตรงเท่าไหร่ เช่น วางแผนเตะบอลกับวินมอร์เตอร์ไซค์หน้าปากซอยแล้วรวมหัวกันสร้างสถานการณ์เชิดเงินหนีไป เมื่อพวกเขาตัดสินใจได้เข้ามาสู่วังวนแห่งการเป็นเด็กเดินเก็บโพลบอล พวกเขาจะได้รับเงินส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ...พวกเขาก็ยังหันมาใช้วิธีที่จะกอบโกยเงินให้ได้มากที่สุดนั้นคือ โกงเงินโพลบอล ไม่ยอมส่งคืนเงินให้นายใหญ่ที่รับแทงบอล แทบไม่ต้องเดาต่อไปเลยว่า ชะตากรรมต่อไปที่จะเกิดขึ้นกับวัยรุ่นสุดห้าวกลุ่มนี้คืออะไร เมื่อนายใหญ่จับได้ การตามล่าฆ่าปิดปากพวกเขาก็เกิดขึ้น นำไปสู่วังวนแห่งอาชญากรรมที่ไม่อาจถอนตัวได้

ในเรือนจำสุดล้ำสมัยที่บริหารงานโดยสตีฟ แอ็บเนสตี (คริส เฮมส์เวิร์ธ) ผู้มีวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลม ผู้ต้องขังจะต้องสวมอุปกรณ์ศัลยกรรมติดอยู่กับตัวเพื่อให้สามารถรับยาเปลี่ยนจิตใจได้แลกกับการได้ลดหย่อนโทษ ที่นี่ไม่มีลูกกรง ไม่มีการคุมขัง และไม่มีชุดนักโทษสีส้ม ภายในสไปเดอร์เฮด อาสาสมัครผู้ถูกจองจำมีอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเองเสมอ จนกระทั่งถึงเวลาที่อาจไม่มีอิสระอีกต่อไป บางครั้งก็เป็นตัวเองในแบบที่ดีกว่า อยากผ่อนคลายใช่ไหม ที่นี่มียาช่วยได้ พูดไม่ออกเหรอ มียาที่ช่วยได้ด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อสองนักโทษ เจฟฟ์ (ไมลส์ เทลเลอร์) และลิซซี่ (เจอร์นี สมอลเลตต์) สร้างสายสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันมากขึ้น เส้นทางสู่การไถ่โทษจึงกลับพลิกผันยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่การทดลองของแอ็บเนสตีก็เริ่มไปไกลเกินขอบเขตของเจตจำนงเสรี ภาพยนตร์เรื่อง "สไปเดอร์เฮด (SPIDERHEAD)" ซึ่งสร้างจากเรื่องสั้นที่ตีพิมพ์ใน The New Yorker ของจอร์จ ซอนเดอร์สเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญจิตวิทยาสไตล์ตลกร้ายและแหวกแนวที่กำกับโดยโจเซฟ โคซินสกี (จาก TRON: Legacy และ Top Gun: Maverick) และเขียนบทโดยเรตต์ รีสและพอล เวอร์นิก (จาก Deadpool และ Zombieland)