殺し屋1 ฮีโร่หัวกลับ

โอลิเวียและมิกก์ คู่รักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย กลับมาพบกันอีกครั้งโดยไม่คาดคิดหลังจากห่างหายไป 25 ปี และกลายมาเป็นหุ้นส่วนกันในการบริหารรีสอร์ทจัดงานแต่งงาน ขณะที่ทั้งคู่ทำงานเคียงข้างกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้ว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจของพวกเขาอาจไม่ราบรื่น แต่ความรักอาจอยู่คู่พวกเขาในอนาคต

ผลงานนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักอันกล้าหาญและความสัมพันธ์อันซับซ้อน ระหว่างตำนานแห่งแวดวงดนตรี เลนเนิร์ด เบิร์นสไตน์และเฟลิเซีย มอนเตอาเลเกร โคห์น เบิร์นสไตน์

ในประเทศญี่ปุ่นสมัยโตกุกาวะ ปี 1603-1867 อาซูมิ (อายะ อุเอโตะ) มือสังหารรับจ้างสาวสวยเก่งฉกาจ ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมสหายคู่ใจที่รอดตายจากภารกิจสุ่มเสี่ยงมาแล้วเพื่อ สะสางภาระที่ยังคั่งค้าง นั่นก็คือการตามล่า มาซายูกิ ซานาดะ (มิกิจิโระ ฮิระ) วายร้ายบ้าอำนาจที่ว่าจ้างกลุ่มนินจานักฆ่าให้มาสู้กับอาซูมิ ด้วยความหวังอย่างสูงส่งว่าหากกำจัดเขาได้จะเป็นการนำสันติภาพ และความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินอีกครั้ง อาซูมิกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่าง ภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายกับ สิ่งที่หัวใจต้องเรียกร้อง ต้องการระหว่างการมีชีวิตอยู่เพื่อ ความรัก กับการยอมสละชีวิตเพื่อหน้าที่ และต้องเผชิญหน้ากับทางแยกครั้งสำคัญในชีวิตของเธอ

เรื่องราวของนายพลมานูเอล อันโตนิโอ "โทนี่" นอริเอกา แห่งปานามา ผู้มีอาชีพการงานรุ่งโรจน์ตั้งแต่ยากจนข้นแค้น เป็นทหารและผู้ให้ข้อมูลของซีไอเอที่เคยเป็นแหล่งข้อมูลให้กับมหาอำนาจต่างๆ และแม้แต่กลุ่มค้ายาของโคลอมเบียที่เขาอ้างว่าต่อสู้เพื่อเอาใจผู้อำนวยการซีไอเอและต่อมาเป็นประธานาธิบดีบุช ซีเนียร์ของสหรัฐฯ เริ่มต้นเมื่อเขาสารภาพกับบาทหลวง โดยเล่าถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับจากความโชคดีจนเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ทุกครั้งที่เขาเสี่ยง ผู้คนจะบอกว่าเขาเสี่ยงเกินไป แต่เขาก็รอดมาได้ทุกครั้ง ในชีวิตแต่งงาน เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเฟลิซิดัด "เฟลา" อยู่เสมอ โดยเฉพาะกับวิกกี้ อามาดอร์ ผู้เป็นเมียน้อยของเขา หลังจากชื่อเสียงของสาธารณชนทั้งในประเทศและในสหรัฐฯ ตกเป็นข่าวอื้อฉาวจากการทรมาน การข่มขืน และการตัดศีรษะของนายแพทย์ฮูโก สปาดาฟอรา ผู้เป็นที่เคารพนับถือโดยทั่วไป เขาจึงเห็นว่าความผิดทั้งหมดตกอยู่ที่ประธานาธิบดีนิกกี้ บาร์เล็ตตา ซึ่งดำรงตำแหน่งมาได้เพียงปีเดียว เมื่อเขารู้สึกถูกบังคับให้ทำลายห้องทดลองยาเสพติดของกลุ่มค้ายาเมเดยินที่เขาได้รับเงินมา แม้แต่ฟิเดล คาสโตรยังบอกกับเขาว่า...